มาแว๊ว ทริปแรกของปี60 "นครนายกทริป"วันเดียวก็เที่ยวได้
22.01.60
ว่าด้วยเรื่องเวลาว่างในการเที่ยว ตัวเราเองมีเวลาว่างตลอดแต่คนที่ไปด้วยนี่สิเค้ามีเวลาว่างแค่ 1 วันเท่านั้น โจทย์มีมาอย่างนี้ ทริปที่เราเลือกก็ใกล้ๆกรุงเทพเลยละกานเนอะใช้เวลาไม่นาน นั่งๆอ่านๆหาๆเที่ยวไหนดีหว่า สรุปว่าเราได้จังหวัดที่ไปแล้วก็คือ "นครนายก"นั่นเอง เป็นจังหวัดที่เรายังไม่เคยไปเที่ยวอย่างจริงๆจังเพียงแค่ขับรถผ่านเท่านั้นเอง ว่าแล้วหาข้อมูลเดินทางแล้วออกไปเที่ยวกันดีกว่า go go go
ทริปนี่เราออกเดินทางโดยรถส่วนตัวกันเนอะ เวลาออกเดินทาง 10.00 น. เราจะไปไหนกันก่อนดีหว่า
เอาง่ายๆเลยนะปักหมุดเซิร์ทจาก GPS เลยจร้าที่ๆเราเลือกไปมีอยู่ 4 ที่ด้วยกัน ตามมากันเลย
1. อุโมงค์ป่าไผ่ วัดจุฬาภรณ์วนาราม
การเดินทางมาเราใช้เส้นทางกรุงเทพ ไปอำเภอบ้านนา แต่วัดจะอยู่ถึงก่อนนะจ๊ะ ปักหมุดGPSมาโล้ดดด วันที่ไปเป็นวันอาทิตย์พอดีโชคดีมากที่คนไม่เยอะเท่าไหร่ที่นี่มีมุมถ่ายรูปสวยเลยทีเดียว แนะนำมานะค่ะที่นี่ ร่มรื่นอากาศไม่ร้อน และยังสามารถไหว้พระทำบุญได้ด้วย
อุโมงค์ป่าไผ่ วัดจุฬาภรณ์วนาราม
2. อุทยานพระพิฆเนศ นครนายก
งานไหว้พระขอพรก็มีนะค่ะทริปนี้ วิธีไปจากอุโมงค์ป่าไผ่ วัดจุฬาภรณ์วนาราม เราต้องกลับรถมุ่งหน้าไปทางอ.บ้านนาเลยจร้า (หรือเอาง่ายๆปักหมุดขับตาม GPSเลยคร๊า ง๊ายง่ายเนอะ) วันที่ไปคนเยอะมากๆ มีนักเรียนมาทัศนศึกษาอีก เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเลยง่า ด้วยความที่อากาศก็ร้อนต่างหากไหว้เสร็จก็รีบไปยังจุดหมายต่อไปเลยละกัน แหะๆ
อุทยานพระพิฆเนศ นครนายก
รูปจากนี้จากเครดิต google นะจ๊ะ (งดดราม่าเนอะ)
PS. บริเวณอุทยานพระพิฆเนศ นครนายก ก็มีของฝากพวกเผือกทอด มันทอด น้ำพริก แบบแปรรูปเอาไว้เป็นของฝากได้ แต่พอดีเราไม่รู้จะเอาไปฝากใครเลยเดินผ่านเฉยๆ
3.จุดชมวิวเขาหล่น
จากอุทยานพระพิฆเนศ ขับไปไม่ถึง 5 นาที ก็ถึงแล้วจร้า จุดชมวิวเขาหล่น ที่นี่เป็นจุดที่เค้ามาถ่ายทำมิวสิควีดีโอหลายเพลงเลยน๊า ตอนที่เราไปถึงก็บ่าย2กว่าๆ ถ้าถามว่าร้อนมั้ย อยากบอกว่าร้อนมาก 555++ แดดแรงสุด แต่มาแล้วเนอะขาเที่ยวอย่างเราก็ต้องเที่ยวให้สุดสิ รออาไร บุกเข้าไปในพงหญ้า ดงดอกหญ้า ถ่ายภาพวนไปข่ะ ปีนขึ้นหิน ตรงหน้าผาบ้าง ถ่ายๆๆไปจนตากล้องร้อนและรำคาญเลยเลิกถ่าย แต่วิวจุดนี้ยอมเลยจริงๆ คือมันสวยมากอ่ะ คุ้มค่าที่ขับรถมา
>>ทริกในการกดหาจุดชมวิวเขาหล่น<<
ถ้าเราเซิร์ทว่าเขาหล่น หรือจุดชมวิวเขาหล่นจะไม่มีอยู่ไหนแผนที่นะจ๊ะ ในเราทำการปักหมุด GPS มาที่ "เขาหล่นพาราไดซ์" แต่ๆเราไม่ได้ไปที่รีสอร์ทเค้าน๊า พอเราเลี้ยวเข้ามาจากปากทางจะมีทางแยกไปรีสอร์ทฝั่งขวา แต่เราขับรถขึ้นมาตรงทางแยกฝั่งซ้ายเลยน๊ะจ๊ะ แล้วขับตรงขึ้นมาเลยตรงไปตามป้ายที่เขียนว่า "จุดชมวิวเขาหล่น" แค่นี้เราก็ถึงจุดหมายของเราแว๊ว 😁😁😁
จุดชมวิวเขาหล่น
4.เขื่อนขุนด่านปราการชล
จากจุดชมวิวเขาหล่นขับรถออกมาถนนใหญ่แล้วเราเลี้ยวซ้ายเลยจร้า มุ่งหน้าตามป้ายไปสู่เขื่อนขุนด่านปราการชล ที่นี่มีที่เที่ยว 2 จุดคือ ด่านล่างจะมีร้านอาหาร และจุดที่ไว้สำหรับในนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและมีกิจกรรมทางน้ำ ส่วนจุดที่ 2 เราต้องขับรถขึ้นไปด้านบนเป็นจุดชมวิวของเขื่อนขุนด่านปราการชล เราได้ทำการเลือกแล้วว้าเราจะเที่ยวในจุดที่ 2 (เนื่องจากไม่ได้เตรียมชุดมาเปลี่ยนเล่นอาไรเลยจร้า ได้แต่มองวิวชมวิวไปตามระเบียบ) ขับรถขึ้นมามีที่จอดรถเยอะอยู่ และนักท่องเที่ยวก็เยอเช่นกัน ด้านบนจะมีกิจกรรมล่องเรือชมเขื่อน หรือนั่งรถรางเพื่อฟังคำอธิบายความรู้ต่างๆเกี่ยวกับโครงการของ เขื่อนขุนด่านปราการชล ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริของในหลวงของเรา ในวันที่ไปคนเยอะมากไม่ยากจะต่อคิว (กิจกรรมมีค่าธรรมเนียมแต่ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ เพราะลืมถ่ายรูปมา) เราเลยเดินเที่ยวรอบๆ และเก็บภาพความประทับใจไว้แค่นั้น วิวที่นี่สวยอยู่นะ ถ้ามาช่วงเย็นๆแดดร่มๆน่าจะดีกว่านี้
จุดชมวิวเขื่อนขุนด่านปราการชล
หลังจากนั้นก็ถึงเวลากินแล้วสินะ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราไปแวะกินข้าวที่ร้าน "ตำหลาย" อาหารอีสานจัดว่าเด็ด อร่อยเลยทีเดียว มื้อนี้อาหาร 2 อย่าง (ส้มตำถาดอินเตอร์ซิกเนเจอร์ของร้าน /น้ำตกหมู/ ข้าวเหนียว /น้ำเปล่า) ค่าเสียหายอยู่ที่ 430 บาท ถือว่าราคาสูงอยู่แต่ก็นะแหล่งท่องเที่ยวนี่เนอะ แต่ก็ไม่ผิดหวังนะ รสชาติอาหารใช้ได้เลย ถ้าไปเที่ยวแถวนั้นอีกเราก็แวะกินนะ ก็มันอร่อยอ่ะเนอะ
อาหารอีสาน "ร้านตำหลาย"
เมื่อท้องอิ่มแล้วเราก็มุ่งหน้ากลับสู่กรุงเทพเมืองฟ้าอมรกันเถอะ จริงๆเราอยากไปอ่างเก็บน้ำห้วยปรือนะอยากไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกตอนเย็นแต่ติดตรงที่มีภารกิจช่วงเย็นเลยอดไปเลย ขากลับขับรถกลับทางเดิมที่มาเลยจร้า เจอ 2แถวมีเด็กวัยรุ่นทั้งชาย-หญิง ทั้งแว๊นซ์ทั้งสก็อยเต้นเพลงแดนซ์บนรถสองแถวยิ่งตอนรถติดนี่มาเต้นกลางถนนกันเลยจร้า ก็แปลกดีนะกับการเดินทางมาเที่ยวที่ถนนเส้นนี้ มันก็ทำให้เราเกิดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกับคนข้างๆที่เราไปด้วยได้😁😁😁